อาวุธพลังจิตในรัสเซีย

อาวุธพลังจิตในแดนหมีขาว
จากพยานหลักฐานซึ่งรวบรวมได้จากอดีตจารชนเคจีบีของโซเวียตที่แปรพักตร์ และจากแหล่งข่าวองค์การข่างกรองทางทหาร ไอเอ (De Inteligence Agency DIA) ก็พอแน่ว่าตลอดเวลาเกือบครึ่งศตวรรษที่มา โซเวียตได้พยายามอย่างหนักในที่ จะศึกษาวิจัยเพื่อนำเอาปรากฏการณ์ทางจิตหรือพลังจิตมาใช้ใน การหา โดยตลอดระยะเวลา 15 ปี ที่ผ่านมานี้ สหรัฐฯ มีหลักฐานทางทหารยืนยันว่า โซเวียตได้มีการทดลองใช้อาวุธพลังจิตนี้กับสหรัฐฯ อย่างน้อยสุด 4 ครั้ง และที่ผ่านมานี้ ประมาณ พ.ศ. 2526 องค์การวิจัยของรัฐสภา (Congressional Research Service) ของสหรัฐฯ ก็ได้สืบทราบว่า รัฐบาลโซเวียตได้ให้เงินทุนสนับสนุนการวิจัยด้าน ปรจิตวิทยา (parapsychology) เพื่อพัฒนาการประยุกต์ใช้พลังจิตทางทหารถึง 250 ล้าน บาทต่อปี จากหลักฐานทางวัตถุและจากคำบอกเล่าของเคจีบี ก็เป็นที่คาดกันว่าหากการพัฒนา เพื่อใช้พลังจิตในการทหารนี้สำเร็จละก็ ต่อไปมันก็ไม่แน่ว่าบรรดานักรบพลังจิตของมอสโคว์ อาจจะใช้การนั่งทางในที่เครมลินพิสูจน์ทราบตำแหน่งที่ตั้งของไซไลเก็บขีปนาวุธในเนบรา สก้าบนดินแดนของสหรัฐฯ ได้..หรือไม่เช่นนั้นก็ใช้พลังแพ่งข้ามทวีปมาลบความจำทางแม่ เหล็กของคอมพิวเตอร์ทางทหาร และอาจจะใช้กระแสจิตบังคับควบคุมจิตใจของผู้นำสหรัฐฯ ให้เป็นฝ่ายโซเวียต และก็อาจจะถึงขั้นแช่งชักหักกระดูกทางกระแสจิตให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ สหรัฐฯ ชักดิ้นชักงอตายไปเดี๋ยวนั้นเลยก็ได้..นี่ไม่ใช่เรื่องล้อกันเล่นนะขอรับ..แต่ เหล่านี้สหรัฐฯ มีหลักฐานและพยานว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้.และอาจเป็นจริงขึ้นมาสักวันหนึ่ง
ในอนาคตหน้านี้ หากโซเวียตไม่วางมือซะก่อน..ครับ จากข้อมูลที่ได้จากการสอบถามชาว โซเวียตที่อพยพไปอยู่ในสหรัฐฯ ก็เป็นที่เชื่อแน่ชัดว่า ฝ่ายทหารของพี่หมีนั้นมีความสนใจใน เรื่องพลังจิตนี้มาเป็นเวลาอย่างน้อยที่สุดก็ประมาณ 30 ปีแล้ว แต่เนื่องจากว่าการทำวิจัยใน เรื่องนี้พี่หมีท่านปกปิดเป็นความลับ ฉะนั้นจึงมีรายเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมาน้อยมาก ข้อมูลและ หลักฐานที่สหรัฐฯ มีอยู่ในเวลานี้ ส่วนหนึ่งก็ถูกเก็บเงียบอยู่ในกระทรวงกลาโหม หรือเพนตากอนของสหรัฐฯ และนอกนั้นบางส่วนก็อาจจะพบได้จากเอกสารการที่มีการลักลอบ ออกมาจากโซเวียตซึ่งแน่นอนว่า หากอยู่ในมือของรัฐบาลสหรัฐฯ แล้วละก็ ต้องถูกเก็บเงียบอีก เช่นกัน แต่อย่างไรดี สำหรับสื่อมวลชนหรือนักคุ้ยนักเขียนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นในเรื่องนี้ก็ยังพอ ที่จะแสวงหาข้อมูลจากนักจิตวิทยาชาวโซเวียต สายลับหรือนักวิทยาศาสตร์ด้านอื่น ๆ ของ โซเวียตที่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการวิจัยเหล่านี้ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีเจ้าหน้าที่ของโซเวียตดังกล่าวนี้ ขอลี้ภัยมาอยู่ในค่ายตะวันตกเป็นจำนวนมาก..

ก่อนยุคพัฒนาอาวุธพลังจิต


ข้อมูลเกี่ยวกับเบื้องหลังความเป็นมาของการพัฒนาใช้พลังจิตในการทหารของโซเวียตนี้ ส่วน ใหญ่ก็ได้มาจากการให้สัมภาษณ์ของนักจิตวิทยาชาวโซเวียตที่มีนามกรว่า นิโคโล โคคลอฟ (Nikolai Khokholv) ซึ่งเป็นบุคคลที่ได้ใกล้ชิดในการค้นคว้าวิจัยเรื่องนี้มากที่สุดผู้หนึ่ง ปัจจุบันนี้เขาได้ขอลี้ภัยอยู่ในสหรัฐฯ และเข้าทำงานอยู่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ซานเบอร์นาร์ดิโน ย้อนความหลังครั้งกระโน้นในปี พ.ศ. 2484 คุณพี่โคคลอฟนี้ก็เคยทำงานให้ กับองค์การ เอ็นเควีดี (NKVD) ซึ่งเป็นต้นกำเนิดขององค์การเคจีบีใน ปัจจุบันนี้ซึ่งในตอนนั้นเขาอายุได้ 19 ปี เขาได้เริ่มงานสายลับด้วยการปลอมเป็น นักบันเทิงอาชีพที่มีนามกรว่า นิโคโล โวลิน เพื่อหลอกล่อทหารเยอรมันเข้าไปสังหารในห้อง ชมคอนเสิร์ต และต่อมาก็เปลี่ยนนามใหม่เป็น อเล็กซี คริลอฟ เพื่อทำหน้าที่เป็นทหารปฏิบัติ การหลังแนวข้าศึกหลังจากนั้นอีกไม่นาน ด้วยหน้าที่จารชนก็จำต้องเปลี่ยนชื่อเป็นร้อยตรี ออตโต วิตต์แกนสไตน์ จนกระทั่งมาปฏิบัติการครั้งสุดท้าย เขาได้รับมอบ หมายหน้าที่ให้คุมลูกสมุนไปสังหารนาย จีออร์กีเอสโอโคโรวิช ซึ่งเป็นหัวหน้าต่อต้าน คอมมิวนิสต์ในแฟรงเฟิร์ตของเยอรมนีตะวันตก ซึ่งปรากฏว่าทำงานไม่สำเร็จและไม่อาจจะบาก หน้ากลับประเทศได้ก็เลยขอลี้ภัยในเยอรมนี ในช่วง 2-3 ปีแรกหลังจากลี้ภัยนั้นโคคลอฟว่าง งาน จึงเดินทางท่องเที่ยวไปในสหรัฐฯ และยุโรปอย่างไร้จุดหมายปลายทาง จะกระทั่งในที่สุด เขาก็ได้สมัครเข้าเรียนปริญญาเอกในสาขาจิตวิทยา และนี่เองที่เป็นเหตุ ให้เขาได้พบกับหัวหน้างานด้านปรจิตวิทยาของอเมริกา และในปี พ.ศ. 2511 เขาก็ได้เขียน เอกสารสัมมนาเรื่อง "ความสัมพันธ์ระหว่างปรจิตวิทยากับค่ายคอมมิวนิสต์" (The Relationship of Parapsychology to communism) ในเอกสารสัมมนาฉบับนี้ โคคลอฟได้กล่าวอธิบายไว้ว่า ก่อนยุคที่จะมีการศึกษาด้านปรจิต หรือพลังจิตอย่างจริงจังนั้น ชาวรัสเซียมีความเชื่อในเรื่องผีสางและเวทมนตร์มา เป็นเวลาหลายศตวรรษแล้ว เช่นมีความเชื่อว่าหมอผีสามารถรักษาคนเจ็บให้หายได้โดยการวาง มือแตะลงไปเพียงครั้งเดียว พอมาถึงในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 ก็ปรากฏว่าองค์การข่าวกรอง และหน่วยงานทางวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ ของรัสเซียได้หยิบยกเรื่องของพลังจิต การสะกดจิต และ ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ มาศึกษาวิจัยกันอย่างจริงจัง ในปี พ.ศ.2540 นักประสาทวิทยา ของโซเวียตชื่อ วี.เอ็ม เบคห์เทอเรฟ ได้ก่อตั้ง สถาบันจิตประสาท (Psychomeural Institute) ขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายที่จะศึกศึกษาความสัมพันธ์ ระหว่างจิตวิทยาและปรจิตวิทยาจนเกิดการปฏิวัติขึ้นในปี พ.ศ. 2460 ศึกษาค้นคว้าในเรื่องนี้ก็ต้องหยุดชะงัก และเปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้เพราะลัทธิมาร์กซิสนั้นปฏิเสธที่จะยอมรับเรื่อง ปรากฏการณ์ลึกลับของจิตหรือเรื่องวิญญาณ และผู้นำโซเวียตในสมัยนั้นเชื่อว่า เรื่อง ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติเหล่านี้เป็นเรื่องที่เหลวไหลไร้สาระ แต่อย่างไรก็ตาม งานศึกษา ด้านพลังจิตก็ยังดำเนินต่อไป และมาฟูเฟื้องอีกครั้งหนึ่งในช่วงคริสต์ ศตวรรษที่ 20 เมื่อ ดร.เลโอนิค วาซิลิเอฟ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของเบคห์เทอเรฟ แห่งสถาบันวิจัย สมองเลนินกราด (Leningrad Institute of Brani Research) ได้ทำการวิจัยการส่งโทรจิต
(teltpathe) ระยะไกล แต่อย่างไรก็ดี เนื่องจากกลัวเกรงความผิดของกฎหมาย เขาจึงปกปิดงานวิจัยชิ้นนี้เงียบไว้จนกระทั่งสตาลินถึงแก่อสัญกรรม จึงได้เปิดเผยออกมา จึงได้รู้ว่าวาซิลิเอฟ ได้ทำการทดลองในเรื่องนี้ไปแล้ว นับร้อยครั้งทีเดียว วาซิลิเอฟเปิดเผยว่า ในการทดลองครั้งหนึ่ง เขาได้ผู้นำร่วมทดลองไปนั่งในห้องที่ได้รับการป้องกันกระแส ไฟฟ้า และให้นักจิตวิทยาหรือนักพลังจิตเพ่งกระแสจิตไปบังคับให้ผู้ร่วมทดลองดังกล่าวง่วง และหลับไปในที่สุด..ในการทดลองอีกอันหนึ่ง เขาก็ได้จับนักพลังจิตขังได้ที่เลนินิกราดในขณะ ที่นำผู้ร่วมทดลองที่เป็นเหยื่อไปอยู่ที่เมืองเซวาสโตพอล ซึ่งอยู่ห่างออกไปอีก 1000 ไมล์ ซึ่ง ผลการทดลองก็ปรากฏว่า เหยื่อถูกสะกดจิตทางไกลให้นอนหลับและปลุกให้ตื่นได้ในเวลาตรง กันกับที่นักเพ่งพลังจิตส่งกระแสจิตออกมา หลังจากที่สตาลินตายไปแล้วนั้น นอกจากจะมีการ เปิดเผยผลงานวิจัยของวาซิลิเอฟแล้ว ก็ปรากฏว่ามีนักวิจัยของรัสเซียอีกเป็นจำนวนมากได้เผย แพร่ผลงานวิจัยของตนออกมา และพอโซเวียตเปลี่ยนผู้นำใหม่เป็น ครุชเซฟ ในราวปี พ.ศ. 2498 ดินแดนหมีก็กลับฟูเฟื่อง และรุ่งเรืองในด้านพลังจิตอีกครั้งหนึ่ง ผู้นำคนใหม่ของโซเวียตชอบเรื่องนี้และก็บ้าโยคะถึงขนาดบินไปอินเดียเพื่อศึษาเรื่องนี้เพื่อนำ มาฝึกสอนให้กับชาวโซเวียต ซึ่งพอกลับจากอินเดียแล้ว ครุชเชฟก็มีคำสั่งว่า "เราต้องมีโยคี เราเองให้ได้..ในวันพรุ่งนี้" การทดลองพลังจิตทางการทหารของสหรัฐฯ การประกาศให้ความสนับสนุนของครุชเชฟในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษที่ 50 นี้ มีผลต่อการ อาวุธพลังจิตของโซเวียตอย่างมาก เพราะหลังจากนั้นคณะกรรมการกลางของพรรค คอมมิวนิสต์โซเวียตก็ได้เริ่มทำการระดมนักวิทยาศาสตร์จัดตั้งห้องปฏิบัติการปรจิตวิทยาขึ้นอีก ครั้งหนึ่ง แต่ปรากฏว่านักวิทยาศาสตร์ โซเวียตก็ฮึกเหิมอยู่ได้ไม่นานก็ต้องหุบ เพราะในราวปี พ.ศ. 2503 นิตยสารของฝรั่งเศส ชื่อ Science et Vie ได้รายงานว่า กระทรวงกลาโหม ของอเมริกันก็ได้มีการวิจัยเรื่องพลังจิตเช่นกัน ..กล่าวคือ ทหารสหรัฐฯ ได้ ทำการทดลองการส่งข่าวสารทางโทรจิตจากห้องปฏิบัติการเวสติงเฮาส์ใกล้บัลติมอร์ไปยังลูก เรือบนเรือดำน้ำนอร์ติลุสซึ่งดำน้ำอยู่ใต้น้ำแข็งทวีปอาร์กติกที่ลึกถึง 4 ไมล์ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายตะวันตกก็ปฏิเสธบทความรายงานการทดลองในครั้งนี้ "เราไม่ รู้เรื่องใด ๆ เกี่ยวกับการทดลองนี้เลย" เกลนน์ บราวน์ ผู้จัดกากรด้านติดต่อสื่อสารที่ศูนย์


ดีเฟนซ์ แอนด์ อิเล็กทรอนิกส์ (Westing house Defense and Electronics Center) ในบัลติมอร์ กล่าว และเขายังกล่าวต่อไปอีกว่า ทางบริษัทก็ไม่เคยทำการวิจัยทาง จิตวิทยาดังกล่าวนี้แต่อย่างใด ครับ ในครั้งกระโน้น พี่เบิ้มของเราก็คงแกล้งปฏิเสธไปอย่างนั้น แหละเพราะมันเรื่องอะไรล่ะครับที่จะต้องบอกให้คนอื่นรู้ด้วย ในเมื่อพี่หมีเวลาทำอะไรก็เก็บ เงียบปากก็ว่า "เค้าเปล่านะ" แต่ที่ไหนได้ เผลอเผล็บเดียวพี่ท่านก็มีอาวุธมหัศจรรย์เข้าประจำ การทุกที (เช่น จรวด สกัดกั้นขีปนาวุธและดาวเทียมล่าสังหาร) ..เรื่องพลัง จิตนี้ก็เช่นกัน สหรัฐฯ จะประมาทไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่มองดูแต่ภายนอกแล้วมันดูเป็นเรื่องเหลวไหล.. เพ้อเจ้อไม่น่าจะเป็นจริง แต่ถึงกระนั้นก็ตามปรากฏการรณ์เหล่านี้ก็ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์หน้า ไหนอธิบายได้อย่างแจ่มแจ้งว่ามันคืออะไรกันแน่? ครับ หลังจากที่สหรัฐฯ ไปทำการวิจัยในเรื่องนี้อยู่นานมาเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง เพนตากอนของสหรัฐฯ ก็ประกาศตูมว่า จะทำการพัฒนาอาวุธพลังจิตแข่งกับโซเวียต เพราะ เป็นที่ทราบแน่ชัดว่า โซเวียตกำลังก้าวไปถึงขั้นที่จะใช้การนั่งทางในลาดตระเวนหาตำแหน่งที่ ตั้งทางทหารเรือขีปนาวุธแล้ว



สนับสนุนโดย
แชมพูมะคำดีควาย แชมพูแก้ผมร่วง

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ยานลึกลับใกล้ดวงอาทิตย์ 2

การตอบกลับของมนุษย์ต่างดาว